ดร.สนธิ ไข 3 สาเหตุหลัก “น้ำท่วมหาดใหญ่” หนักสุดในรอบ 25 ปี
ดร.สนธิ คชวัฒน์ วิเคราะห์ 3 สาเหตุวิกฤต “น้ำท่วมหาดใหญ่” จ.สงขลา หนักสุดในรอบ 25 ปี ทั้งสภาพภูมิประเทศ สภาวะลานิญญา และการบริหารจัดการที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
ดร.สนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ได้ออกมาวิเคราะห์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์ “น้ำท่วมภาคใต้” ที่กำลังเผชิญกับวิกฤตหนักใน 10 จังหวัด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนกว่า 560,000 ครัวเรือน โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่เกิดน้ำท่วมหนักที่สุดในรอบ 25 ปี นับตั้งแต่ปี 2543 และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 500 ล้านบาท ดร.สนธิ ได้ไขคำตอบถึงวิกฤต “น้ำท่วมหาดใหญ่“ ครั้งนี้ว่าเกิดจาก 3 สาเหตุหลัก
3 สาเหตุหลัก วิกฤต “น้ำท่วมหาดใหญ่” หนักสุดในรอบ 25 ปี
สาเหตุที่ 1: สภาพภูมิประเทศ “พื้นที่ต่ำรับน้ำจากทุกทิศ”
เมือง หาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่ำและเป็นที่ลุ่มที่ลาดลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้เป็นจุดรวมน้ำจากทุกทิศทาง ทั้งจากเขาคอหงส์ อ.นาหม่อม และ อ.จะนะ รวมถึงน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขานครศรีธรรมราช ล้วนไหลลงสู่คลองอู่ตะเภา ซึ่งเป็นคลองสายหลักที่ไหลผ่าน อ.หาดใหญ่ ก่อนลงสู่ทะเลสาบสงขลา ทำให้การระบายน้ำเป็นไปได้ยาก โดยเฉพาะหากเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง
- พื้นที่ต่ำ: เป็นพื้นที่ลุ่มที่น้ำไหลลงมารวมกันได้ง่าย
- คลองอู่ตะเภา: เป็นคลองสายหลักที่รับน้ำจากหลายพื้นที่ และไหลผ่าน อ.หาดใหญ่ ก่อนออกทะเลสาบสงขลา
- คลอง ร.1 (คลองภูมินาถดำริ): แม้จะมีโครงการบรรเทาอุทกภัยเพื่อผันน้ำ แต่ปริมาณน้ำก็ยังมากเกินกว่าจะระบายทัน
สาเหตุที่ 2: สภาพภูมิอากาศแปรปรวน ฝนตกหนักเป็นประวัติการณ์
ในช่วงนี้ มวลความกดอากาศสูงหรืออากาศเย็นจากจีนได้แผ่ลงมากดร่องมรสุมความกดอากาศต่ำลงมายังภาคใต้ ประกอบกับเป็นช่วงสภาวะ ลานิญญา ที่เพิ่มความชื้นในอากาศมากกว่าปกติ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดฝนตกหนักมากใน 10 จังหวัดภาคใต้ โดยมีสถิติที่น่าตกใจ:
- ปริมาณฝนสะสม 3 วัน: สูงถึง 595 มิลลิเมตร ซึ่งสูงกว่าสถิติสูงสุดในปี 2543 และ 2553 ที่ทำไว้ที่ 515 มิลลิเมตร
- เฉพาะที่เขาคอหงส์: มีฝนตกหนักในวันที่ 22 พ.ย. มากถึง 365 มิลลิเมตร ส่งผลให้น้ำทุกสายไหลลงมาสู่คลองอู่ตะเภา และล้นท่วมเมืองหาดใหญ่ในที่สุด
สาเหตุที่ 3: การบริหารจัดการรับมือในภาวะวิกฤตยังต่ำกว่ามาตรฐาน
ดร. สนธิ ชี้ว่า การบริหารจัดการน้ำของประเทศไทยในปีนี้ น่าจะอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติมาก เนื่องจากเกิดน้ำท่วมหนักทั่วประเทศครบทุกภาค ทั้งที่ทราบอยู่แล้วว่าเป็นภาวะ ลานิญญา และเป็นช่วงที่อากาศแปรปรวนหนัก แม้การแจ้งเตือนภัยพิบัติจะทำได้ล่วงหน้า 1-2 วัน แต่:
- การเตรียมการรับมือ: และการแก้ไขในภาวะวิกฤตยังถือว่า ต่ำกว่ามาตรฐานมาก
- การช่วยเหลือ: ปัจจุบันในภาคใต้ยังมีประชาชนจำนวนมากติดอยู่บนหลังคาและยังไม่ได้รับอาหารและน้ำ ทำให้การช่วยเหลือยังทำได้ล่าช้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องปรับปรุงอย่างเร่งด่วน
สรุป: วิกฤต “น้ำท่วมหาดใหญ่” หนักสุดในรอบ 25 ปี ครั้งนี้เป็นผลรวมของปัจจัยทางภูมิประเทศที่เอื้อต่อการท่วม ปริมาณฝนที่ตกหนักเป็นประวัติการณ์จากสภาวะ ลานิญญา และการบริหารจัดการรับมือในภาวะวิกฤตที่ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างจริงจัง